


เติมเต็มมิติให้กับบ้านของคุณด้วยโคมไฟดาวน์ไลท์ ซีรี่ย์ AVA
การเลือกใช้แสงสว่างที่เหมาะสมนั้น จะช่วยส่งเสริมและยกระดับงานออกแบบภายในให้ดูโดดเด่นและสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากการออกแบบแสงสว่างที่ดีแล้ว การเลือกรูปแบบประเภทโคมนั้นก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน วันนี้เราขอแนะนำโคมดาวน์ไลท์ดีไซน์เรียบหรู AVA ซีรี่ส์ใหม่ล่าสุดจาก LUMENCRAFT ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นทั้งในเรื่องดีไซน์ และคุณภาพของแสงสว่าง
ด้วยขนาดโคมที่เล็กเพียง 33 มม. (AVA-1) และ 44มม. (AVA-2) หากคุณนึกภาพไม่ออก เพียงแค่เอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งแตะกันเป็นวงกลมทำท่า OK นั่นแหละคือขนาดไซส์ของ AVA และด้วยขนาดที่เล็กมากกว่าและไม่เหมือนใคร แตกต่างจากโคมที่ใส่หลอด Halogen หรือ LED ทั่วๆ ไป ซึ่งขนาดจะอยู่ที่ 90-100 มม. จึงทำให้ โคมดาวน์ไลท์ AVA กลมกลืนไปกับฝ้าเพดานได้อย่างลงตัว ฝ้าจะดูเรียบสวยงามไม่เป็นช่องหลุมเหมือนโคมดาวน์ไลท์ทั่วไป พร้อมเพิ่มดีไซน์ลดแสงแยงตา 3 ขั้นตอน คือ การวางตำแหน่งเม็ดชิป LED ไว้ภายในโคม, การเพิ่มแผ่นลดแสงแยงตา (Honeycomb) และการใช้ Reflector Black Chrome ทำให้เมื่อเปิดใช้งานแล้วสบายตามากยิ่งขึ้น โดยที่ยังได้ปริมาณแสงสว่างที่เหมาะสม และด้วยค่า CRI ที่สูงมากกว่า 90 จึงให้สีสวยงามสมจริงใกล้เคียงกับสีของวัตถุภายใต้เเสงธรรมชาติมากที่สุด

AVA มีค่าความสว่างถึง 720 Lumen ซึ่งสว่างกว่าหลอด LED ทั่วไปที่มีค่าความสว่างประมาณ 400-480 Lumen จึงเหมาะกับการเลือกใช้งานกับห้องได้หลากหลายสไตล์ หรือห้องที่มีฝ้าสูงถึง 2.2-3 เมตร ก็มั่นใจได้ว่าจะได้แสงสว่างเพียงพอตอบโจทย์การใช้งานแน่นอน
.
และด้วยเทคโนโลยีการออกแบบแผ่นระบายความร้อนด้านหลังด้วยอลูมิเนียมคุณภาพสูง หากเทียบเป็นการเปิดใช้งานต่อเนื่องวันละ 4 ชั่วโมงทุกวัน AVA จะให้แสงส่องสว่างในบ้านคุณไปได้นานถึง 20 ปีเลยทีเดียว
.
รู้จัก AVA น้องใหม่ของเรากันแล้ว ท่านใดที่กำลังออกแบบบ้าน หรือคิดจะทำบ้านอยู่ ลองสอบถามเข้ามากันได้ เรายินดีให้คำปรึกษาแบบครบวงจร นอกจาก AVA ที่จะช่วยสร้างมิติใหม่ของแสงสว่างให้กับบ้านของคุณแล้ว ยังมีโคมอีกหลายประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละพื้นที่ใช้สอยแตกต่างกันไป ให้ LUMENCRAFT ช่วยดูแลคุณ เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านแสงสว่าง

ออกแบบแสงสว่างจากโคมไฟเพื่อใช้งานสำหรับ “ห้องประชุม”

ไม่ใช่แค่เพียงการออกแบบแสงสว่างภายในบ้านที่เราควรเน้นความเหมาะสม แต่การออกแบบแสงสว่างสำหรับห้องประชุมนั้นก็สำคัญ เพราะนอกจากจะเพื่อความสวยงาม “แสงไฟ” นั้นต้องเหมาะสมกับการใช้งานจริงได้อีกด้วย Lumencraft มีไอเดียการออกแบบห้องประชุมมาฝาก ซึ่งเป็นห้องประชุมจาก Showroom ของเราเอง
ห้องประชุมควรติดตั้งโคมไฟในตำแหน่งที่เหมาะสม รวมทั้งการใช้หลอดไฟที่มีระดับความเข้มแสงเพียงพอ การจะจัดแสงไฟในห้องประชุมนั้นควรคำนึงถึงพื้นที่การใช้งานของห้อง ซึ่งก็จะมีขนาดแตกต่างกัน และบรรยากาศแสงต้องเชื่อมโยงกับการใช้งานจริงอีกด้วย เพื่อช่วยให้ผู้เข้าประชุมนั้น ได้รู้สึกผ่อนคลายเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นมากกว่าความรู้สึกตึงเครียดในที่ประชุม
เพื่อให้แสงภายในห้องประชุมสมบูรณ์แบบมากที่สุด ลักษณะของแสงที่จะนำมาใช้ในการติดตั้ง ควรใช้ทั้งแสงทางตรง (Direct Lights) และ แสงสะท้อน (Indirect Lights) เพื่อให้แสงภายในห้องประชุมสมบูรณ์แบบมากที่สุด
โดยที่แสงทางตรง อาจได้จากแสงจากโคมไฟเพดาน ที่ส่องตรงลงมายังพื้นด้านล่าง เพื่อการส่องสว่างจะช่วยให้มองเห็นรายละเอียดต่างๆในการเข้าประชุม ส่วนแสงสะท้อนจะช่วยเน้นให้เกิดความน่าสนใจที่จุดนั้นๆ และยังช่วยสร้างบรรยากาศให้ห้องประชุมมีความผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วย

Accent Lighting, Ambient Lighting, Task Lighting

มารู้จักแสงแบบต่างๆ (Accent Lighting, Ambient Lighting, Task Lighting)
แสงไฟในบ้านเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้สวยงาม ช่วยเพิ่มเสน่ห์และสร้างมิติให้กับบ้าน แต่ละห้องของบ้านก็ใช้แสงไฟที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร ซึ่งวันนี้ Lumencraft อยากให้ทุกคนได้รู้จักแสงไฟประเภทต่างๆ เพื่อให้คุณได้นำไปปรับใช้กับบ้านหรือห้องของคุณได้อย่างลงตัว หากพร้อมแล้ว มาทำความรู้จักไปพร้อมๆกันเลย
Accent Lighting
คือแสงสว่างแบบส่องเน้น จะมีลักษณะแสงที่ส่องเน้นที่วัตถุใดวัตถุหนึ่งเพื่อให้เกิดความสนใจ จะส่องเน้นเฉพาะจุด โดยจะยิงแสงเข้าไปที่รูปภาพ ประติมากรรม รูปปั้น หรือหากต้องการให้ห้องดูมีมิติ อาจใช้โคมไฟ Wall light สาดแสงใส่กำแพง ก็จะทำให้ห้องของคุณดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
Ambient Lighting
คือแสงที่ส่องแสงสว่างโดยรอบ แสงทั่วไป เช่นแสงจากหน้าต่าง แสงจากโคมไฟ เราจะสังเกตได้ว่าแสงประเภทนี้จะแผ่กระจายโดยรอบในลักษณะอ่อนๆ ส่องสว่างทั่วห้องหรือตัวอาคาร อีกทั้งยังให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่น ส่วนใหญ่ที่มาจากดวงไฟจะเป็นสีโทนอุ่น เช่น โคมไฟ Chandeliers, Pendants หรือโคมไฟ LED บนฝ้าเพดาน
Task Lighting
คือแสงสว่างสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ เน้นพื้นที่เฉพาะ เช่น แสงบริเวณโต๊ะอาหาร เพื่อให้เห็นอาหารได้อย่างชัดเจน สามารถนำ Task Lighting มาติดเฉพาะจุดเพื่อเพิ่มความสว่างให้กับส่วนนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นบนผนัง ตั้งบนโต๊ะทำงาน หรือฝังกระจก บางตัวสามารถหมุนได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณว่าจะต้องการให้มันอยู่ในมุมใด เช่น โคมไฟตั้งพื้น โคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟหัวเตียง
หากคุณเข้าใจข้อแตกต่างของ Ambient Lighting, Accent Lighting และ Task Lighting แล้ว คุณสามารถผสมผสานแสงในห้อง เพื่อให้ได้บรรยากาศที่ลงตัว และ สวยงามได้อีกด้วย ใครที่กำลังมองหาไฟสวยงาม หรือไฟสำหรับใช้งานในบ้าน ให้ Lumencraft เป็นทางเลือก เรามีไฟที่หลากหลาย และเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไฟทุกรูปแบบ และพร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับไฟให้กับคุณ

LIGHTING MOOD สร้างบรรยากาศห้องของคุณด้วยแสงไฟ

LIGHTING MOOD สร้างบรรยากาศห้องของคุณด้วยแสงไฟ “แสงไฟ” ที่เหมาะสมกับห้อง จะทำให้บรรยากาศภายในบ้านน่าอยู่ และ “แสงไฟ” ยังสามารถปรับอารมณ์ และความรู้สึกของห้องได้ ให้เรารู้สึกผ่อนคลาย พักผ่อนได้อย่างสบาย อีกทั้งยังทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศอบอุ่น โรแมนติกได้เช่นกัน วันนี้เราอยากจะชวนทุกคนมาสร้างบรรยากาศห้องของคุณด้วย “แสงไฟ” เพราะแสงไฟ เป็นเรื่องของความสมดุลในชีวิต LIGHTING MOOD สร้างบรรยากาศห้องของคุณด้วยแสงไฟ
ห้องนั่งเล่น (Living Room)
ห้องนั่งเล่นถือเป็นหัวใจหลักของบ้าน เพราะเป็นห้องที่ไว้สำหรับพักผ่อน คลายเครียด ในขณะเดียวกันยังไว้สำหรับต้อนรับแขกที่มาเยือนอีกด้วย คนส่วนมากมักใช้ห้องนั่งเล่นในเวลากลางวัน เพราะฉะนั้นแนะนำให้เลือกใช้เป็น Natural or Daylight จะทำให้ห้องนั่งเล่นของคุณสัมผัสได้ถึงแสงธรรมชาติ หรือหากต้องการให้บรรยากาศรู้สึกอบอุ่นแนะนำให้ใช้แสงวอร์มไวท์ (Warm White) แสงสีเหลืองนวลละมุน เป็นแสงที่สบายตา ด้วยเฉดสีที่เป็นกลางของแสงสีนี้ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นภายในห้องนั่งเล่นของคุณให้ดียิ่งขึ้น
ห้องนอน (Bedroom)
ห้องนอนเป็นห้องที่เราใช้เวลาถึง 6-8 ชม. หลบจากการทำงานที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน เอนตัวลงนอนเพื่อผ่อนคลาย ควรเลือกใช้แสงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างแสงวอร์มไวท์ (Warm White) เพราะเป็นแสงไฟที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายที่สุด ไม่สว่างมากจนเกินไป ควรใช้แสงที่นุ่มนอลอ่อนโยน แต่ก็มีบางจุดที่ควรใช้แสงเดย์ไลท์ (Daylight) อย่างบริเวณโต๊ะเครื่องแป้ง เพราะเป็นมุมที่เราต้องเห็นรายละเอียดชัดเจน ยิ่งสำหรับสาวๆที่ต้องเเต่งหน้ายิ่งต้องเลือกแสงไฟที่ให้ค่าสีไม่ผิดเพี้ยน มุมนี้จึงเหมาะกับแสงเดย์ไลท์ (Daylight) เป็นอย่างมาก และให้แสงที่ตรงกับความเป็นจริงที่สุด
ห้องครัว (Kitchen Room)
สำหรับห้องครัว เป็นพื้นที่ใช้ประกอบอาหาร ควรเลือกแสงไฟเดย์ไลท์ (Daylight) เพราะแสงสีขาวจะให้ความสว่างที่ชัดเจน ช่วยให้คุณนั้นมองเห็นวัตถุดิบหรืออุปกรณ์ต่างๆได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการประกอบอาหารได้อีกเช่นกัน
ห้องน้ำ (Bathroom)
แสงไฟในห้องน้ำก็เป็นปัจจัยหลัก ควรใช้แสงธรรมชาติอย่างแสงไฟเดย์ไลท์ (Daylight) จะช่วยให้ห้องน้ำดูสะอาด ทั้งยังช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดเจนสำหรับการทำกิจวัตรประจําวันของทั้งสาวๆแหละหนุ่มๆ การเลือกแสงไฟสีนี้จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ แต่ถ้าหากคุณต้องการบรรยากาศผ่อนคลาย ทิ้งตัวในอ่างอาบน้ำและจุดเทียนหอมลองเลือกเป็นแสงไฟวอร์มไวท์ (Warm White) แสงสีนี้จะช่วยให้ห้องน้ำมีบรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่ในสปาเลยทีเดียว